อ่านเพิ่มเติม...
เจ้าหน้าที่ตชด. ชายแดนริมโขงที่นครพนม ตรวจยึดยาบ้าใส่กระสอบ นำลงเรือข้ามแม่น้ำโขงจากประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มคนร้ายไหวตัวทันหนีไปได้ ทิ้งของกลางมีสัญลักษณ์ 999 ไว้ 13 กระสอบ จำนวนกว่า 4.5 ล้านเม็ด คาดถูกกดดันจากชายแดนภาคเหนือ ทะลักเข้าอีสาน
เวลา 15.00 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นายสุวิทย์ จันทร์หวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พ.ต.อ.สิปปนันท์ สรณ์คุณแก้ว ผกก.ตชด.23 พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ รอดน้อย ผบ.ร้อย ตชด.237 อ.ท่าอุเทน นาวาเอกสุรศักดิ์ สุวรรณเกษา ผบ.นรข.เขต นครพนม พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผกก.สืบสวน นครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าว ตชด.237 อ.ท่าอุทน จ.นครพนม ฝ่ายปกครอง นรข. และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม แถลงการณ์ตรวจยึดยาบ้าลอตใหญ่ จำนวน 4,550,000 ล้านเม็ด มูลค่าเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท
ข่าวแนะนำ
พบของกลางบรรจุในห่อกันชื้น มีตราสัญลักษณ์ ภาษาจีน 5 ดาว สีแดง และยังมีสัญลักษณ์ เลข 9 สามตัว สีน้ำเงิน และสีแดง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่คาดว่า เป็นยาบ้าที่มาจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ หลังเจ้าหน้าที่มีการเข้มงวดปิดด่านชายแดนช่วงโรคโควิดระบาด จึงพยายามลักลอบนำเข้าในพื้นที่ชายแดนอีสานแทน และมีการจับกุมลอตใหญ่บ่อยครั้ง ส่วนราคาซื้อขายจะมีราคาซื้อขายไม่ต่ำกว่าเม็ดละ 50-100 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มีการตรวจสอบทางเคมี ยืนยันมีสารเสพติด 100 เปอร์เซ็นต์

สำหรับการตรวจยึดครั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนส่งยาบ้ามาในพื้นที่ชายแดน จ.นครพนม จึงระดมกำลังทุกภาคส่วนลงพื้นที่สกัดกั้นปราบปรามจับกุม สามารถตรวจยึดยาบ้าของกลางทั้งหมดได้ หลังขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติลักลอบลำเลียงยาบ้ามาทางเรือหางยาว เข้ามาพักไว้บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตพื้นที่บ้านหาดทรายเพ ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน ช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ตรวจสอบพบยาบ้าจำนวน 13 กระสอบ แต่ขณะเข้าสกัดจับผู้กระทำผิดไหวตัวหลบหนีทัน อยู่ระหว่างการเร่งขยายผลติดตามมาดำเนินคดี
นายสุวิทย์ จันทร์หวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ในช่วงนี้พื้นที่ชายแดน จ.นครพนม พบว่ามีการลักลอบขนส่งยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงทุกภาคส่วน วางมาตรการสกัดกั้นปราบปราม ทำให้มีการจับกุมได้บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามจะต้องเข้มงวดมากขึ้น ที่สำคัญจะต้องสร้างความร่วมมือกับภาคประชาชนในพื้นที่ชายแดน ในการแจ้งเบาะแสหาข่าว โดยในการจับกุมหลายครั้งที่ผ่านมาถือว่าได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ในการแจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมได้
ทั้งนี้จะต้องวางมาตรการทุกรูปแบบไม่ให้มีการทะลักเข้ามาเพิ่ม รวมถึงการสืบสวนเชิงลึก ขยายผลสู่เครือข่ายในพื้นที่ ทั้งผู้เสพ ผู้ค้ารายย่อย และรายสำคัญ เพื่อตัดวงจรการค้า.